หวงตี้ หรือ จักรพรรดิเหลือง (จีน 黃帝) เป็นหนึ่งในกษัตริย์ตามตำนานจีนและวีรบุรุษทางวัฒนธรรม เป็นหนึ่งในซานหวงอู่ตี้ ตำนานระบุว่า จักรพรรดิเหลืองครองราชย์ตั้งแต่ 2697 – 2597 หรือ 2696 – 2598 ปีก่อนคริสตกาล ลัทธิของพระองค์โดดเด่นอย่างมากในยุคฮั่นกล่าวกันว่าพระองค์เป็นผู้ให้กำเนิดรัฐรวมศูนย์อำนาจ ผู้ปกครองจักรวาล และองค์อุปถัมภ์ศิลปะลับ พระองค์ได้รับการยกย่องว่าทรงประดิษฐ์สิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมจำนวนมาก และปัจจุบันได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ริเริ่มอารยธรรมจีน และกล่าวกันว่าเป็นผู้บรรพบุรุษของชาวจีนหัวเซี่ยสามราชาห้าจักรพรรดิ (จีน 三皇五帝 พินอิน Sānhuáng Wǔdì อังกฤษ Three Sovereigns and Five Emperors) เป็นกลุ่มบุคคลหรือเทวดาซึ่งตำนานกล่าวว่า ปกครองภาคเหนือของจีนโบราณ สามราชามาก่อนห้าจักรพรรดิ และห้าจักรพรรดินั้นมีผู้กำหนดว่า ปกครองอยู่ในราว 2852–2070 ปีก่อนคริสตกาล ปัจจุบัน อาจถือว่า บุคคลเหล่านี้เป็นวีรบุรุษทางวัฒนธรรม (culture hero) ว่ากันว่า ราชาทั้งสามเป็นเทพหรือกึ่งเทพซึ่งสร้างความเป็นอยู่ที่ดีและอบรบสั่งสอนวิชาความรู้ต่าง ๆ ให้แก่ผู้คน เช่น สอนให้ใช้ไฟ สอนปลูกสร้างบ้านเรือน สอนทำเรือกสวนไร่นา ค้นพบหยูกยา รวมถึงจัดตั้งปฏิทินและอักษรจีน ส่วนมเหสีของราชาบางองค์ก็ว่า เป็นผู้คิดค้นวัฒนธรรมเกี่ยวกับผ้าไหม ส่วนจักรพรรดิทั้งห้าก็ว่า เป็นปราชญ์ตัวอย่างซึ่งมีคุณธรรมล้ำเลิศ มีอายุยืนยาว ปกครองผู้คนให้สงบร่มเย็น เอกสารจีนโบราณยังระบุว่า สามราชาและห้าจักรพรรดิมีลักษณะพิเศษต่าง ๆ กันออกไป
ยุคสมัยของสามราชาห้าจักรพรรดิอาจเป็นตำนานมากกว่าเรื่องจริง แต่เอกสารบางฉบับและการตีความใหม่ในบางแง่เห็นว่า ยุคสามราชาห้าจักรพรรดิมาก่อนยุคราชวงศ์เซี่ย (ซึ่งเป็นยุคก่อนประวัติศาสตร์ ไม่มีตัวอักษร และปรากฏแต่ในบันทึกสมัยหลังมากแล้ว) คำว่า หฺวังตี้ (皇帝) ซึ่งปัจจุบันแปลกันว่า จักรพรรดิ (emperor) นั้นก็มีที่มาจากคำว่า หฺวัง (ราชา) และ ตี้ (จักรพรรดิ) อันเป็นคำเรียกกลุ่มสามราชาห้าจักรพรรดินี้ ผู้ใช้คำว่า หฺวังตี้ เป็นบุคคลแรก คือ ฉินฉื่อหฺวังตี้ (秦始皇帝 ปฐมจักรพรรดิฉิน) แห่งรัฐฉิน (秦国)เอกสารโบราณระบุองค์ประกอบของสามราชาห้าจักรพรรดิไว้ต่างกันไป เอกสารส่วนใหญ่เขียนในสมัยหลังยุคสามราชาห้าจักรพรรดิมากแล้ว บางฉบับก็หลายร้อยปี บางฉบับเป็นพันปี และมักสร้างขึ้นจากความต้องการของผู้ปกครองในสมัยนั้น ๆ ที่ประสงค์จะแสดงว่า ตนสืบสายมาจากวีรบุรุษในตำนาน มากกว่าจะแสดงข้อเท็จจริงทางประวัติ เนื้อหาจึงมักเป็นไปในเชิงนิทานหรือตำนาน แม้เรียกว่า สามราชา แต่บุคคลที่เอกสารต่าง ๆ ระบุว่า เป็นสามราชา มีถึงสิบเอ็ดคน คือ ก้งกง (共工), จักรพรรดิเหลือง (黄帝), จู้หรง (祝融), เฉินหนง (神農), ซุ่ยเหริน (燧人), ตี้หฺวัง (地皇 เจ้าโลก), เทียนหฺวัง (天皇 เจ้าฟ้า), ไท่หฺวัง (泰皇 เจ้าใหญ่), นฺหวี่วา (女媧), ฝูซี (伏羲), และเหรินหฺวัง (人皇 เจ้าคน) ส่วนที่เรียกว่า ห้าจักรพรรดิ มีแปดคน คือ คู่ (嚳), จักรพรรดิเหลือง (黄帝), จฺวันซฺวี (顓頊), เฉ่าเฮ่า (少昊), ชุ่น (舜), ไท่เฮ่า (太昊), หยาน (炎), และเหยา (堯)
ยูฟรอซินี (อังกฤษ Euphrosyne กรีก Εὐφροσύνη) เป็นเทพีองค์หนึ่งในสามองค์ในกลุ่มเทพีชาริทีสในตำนานเทพเจ้ากรีกที่รู้จักกันในภาษาอังกฤษว่า Three Graces (ไตรเทพี) เทพียูฟรอซินีเป็นธิดาของซูสและยูรีโนเม (Eurynome) และเป็นเทพีแห่งความสง่าและความงาม และความร่าเริง เทพียูฟรอซินีปรากฏเป็นหนึ่งในสามเทพีในรายละเอียดของภาพ ฤดูใบไม้ผลิ โดยซันโดร บอตตีเชลลีฤดูใบไม้ผลิ (อังกฤษ Primavera) เป็นจิตรกรรมที่เขียนโดยซานโดร บอตติเชลลี จิตรกรสมัยเรอเนซองส์คนสำคัญของอิตาลีที่ปัจจุบันตั้งแสดงอยู่ที่หอศิลป์อุฟฟิซิในเมืองฟลอเร็นซ์ในประเทศอิตาลี ซานโดร บอตติเชลลีเขียนภาพ “ฤดูใบไม้ผลิ” ราวปี ค.ศ. 1482 ในปี ค.ศ. 1551 จอร์โจ วาซารีกล่าวถึงภาพนี้ว่าเป็นการประกาศถึงการมาถึงของฤดูใบไม้ผลิ (อิตาลี “Primavera”) ที่เป็นภาพที่อยู่ในคฤหาสน์เมดิชิในคาสเตลโลไม่ไกลจาก “คฤหาสน์เพตราเอีย” ลอเรนโซ ดิ ปิแอร์ฟรานเชสโค เดอ เมดิชิ (Lorenzo di Pierfrancesco de’ Medici) ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของลอเรนโซ เดอ เมดิชิซื้อคฤหาสน์นี้ในปี ค.ศ. 1477 ซึ่งทำให้สรุปว่าภาพ “ฤดูใบไม้ผลิ” เป็นภาพที่เขียนให้ปิแอร์ฟรานเชสโคเมื่อมีอายุ 14 ปีเมื่อซื้อคฤหาสน์ จากการสำรวจทรัพย์สินของปิแอร์ฟรานเชสโคและน้องชายจิโอวานนิ (Giovanni il Popolano) ในปี ค.ศ. 1499 กล่าวถึง ภาพ “ฤดูใบไม้ผลิ” ว่าตั้งแสดงอยู่ที่วังในเมืองฟลอเรนซ์ในห้องรอที่ติดกับห้องของปิแอร์ฟรานเชสโค
ภาพเขียนขนาดใหญ่เช่นนี้เป็นเรื่องปกติสำหรับครอบครัวที่มีฐานะมั่งคั่ง แต่ภาพ “ฤดูใบไม้ผลิ” เป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึงการเขียนรูปสัญลักษณ์คลาสสิกและการวางรูปแบบของงานเขียนแบบเรอเนซองส์ ภาพ “ฤดูใบไม้ผลิ” เป็นภาพของเทพีวีนัสขนาดเท่าตัวคนยืนกึ่งเปลือยอยู่กลางภาพ
ภาพนี้เป็นภาพที่ผู้ชมจะเข้าใจความหมายของภาพได้ก็ด้วยการมีความรู้อันลึกซึ้งในวรรณกรรมของยุคเรอเนซองส์และความสามารถในการประสานทัศน์ต่างๆ เข้าด้วยกัน (syncretism) ขณะที่ตัวแบบบางตัวในภาพมาจากแรงบันดาลใจจากประติมากรรมโบราณแต่มิใช่เป็นงานก็อปปีงานโดยตรงแต่เป็นการเขียนแบบตีความหมายตามความคิดของบอตติเชลลี ที่ตัวแบบมีลักษณะเพรียว, รูปทรงที่เป็นแบบอุดมคติอันสูงส่ง และ มีลักษณะการวางท่าแบบราชสำนักของคริสต์ศตวรรษที่ 16 แบบแมนเนอริสม์ วีนัสยืนอยู่กลางภาพห่างจากตัวแบบอื่นๆ โดยมีคิวปิดเล็งศรแห่งความรักไปยังเทพีชาริทีส (Charites) หรือ “ไตรเทพี” ผู้ที่กำลังเต้นรำอยู่เป็นกลุ่มอยู่ทางด้านซ้ายของภาพ เทพีองค์ไกลไปทางขวาเป็นใบหน้าของคาเทอรินา สฟอร์ซา (Caterina Sforza) ที่บอตติเชลลีเขียนเป็นภาพเหมือนต่างหากในภาพ “แคทเธอรินแห่งอเล็กซานเดรีย” สวนของวีนัสผู้เป็นเทพีแห่งความรักได้รับการอารักขาโดยเทพเมอร์คิวรีผู้กำลังเอื้อมมืออกไปแตะผลไม้ เมอร์คิวรีแต่งตัวด้วยเสื้อสีแดงอย่างหลวมๆ สวมหมวกเหล็กและห้อยดาบที่เป็นการแสดงว่าเป็นผู้อารักขาสวน การเป็นผู้สื่อข่าวจากพระเจ้าก็บอกได้จากรองเท้าที่มีปีกและคทางูเดี่ยวที่เมอร์คิวรีใช้ในการแยกงูสองตัวและรักษาความสงบ บอตติเชลลีเขียนภาพงูเป็นมังกรมีปีก จากทางด้านขวาเซไฟรัสเทพเจ้าแห่งลมพยายามออกมาไล่นิมฟ์คลอริส ทางซ้ายของคลอริสคือเทพีฟลอราเทพีแห่งฤดูใบไม้ผลิผู้กำลังโปรยดอกไม้ที่อาจจะเป็นภาพของซิโมเนตตา เวสพุชชิ (Simonetta Vespucci)